หลาย ๆ คนอาจมีวีดีโอที่น่าประทับใจเก็บไว้มากมาย บางวีดีโออาจนำมาร้อยเรียงเป็นเรื่องราวเดียวกันได้ เพื่อเก็บความประทับใจและน่าชื่นชมเหล่านั้นไว้ได้ยาวนาน หรือในบางกรณีอาจเป็นวีดีโอที่ถูกถ่ายในช่วงเวลาพิเศษที่เราไม่สามารถย้อนกลับไปถ่ายได้อีกแล้วก็มี การตัดต่อวีดีโอเหล่านั้นให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้นก็เป็นอีกหนึ่งวิธี ที่สามารถทำได้ด้วยตนเองหรือจะจ้างทีมงานมืออาชีพจัดทำให้เลยก็ยังได้

บางวีดีโอ อาจนำมารวมกันได้เป็นเรื่องราวเดียวเพราะมีลักษณะคล้ายคลึงกัน บางวีดีโอก็อาจต้องมีการปรับปรุงให้เกิดความคมชัดมากขึ้นเพราะผ่านระยะเวลามายาวนาน กระบวนการตัดต่อวีดีโอจึงค่อนข้างมีความซับซ้อน แต่ก็สามารถทำตามได้ไม่ยาก อาศัยการฝึกฝนต่อเนื่องสักระยะหนึ่งก็ทำได้แล้ว ซึ่งวันนี้เราได้รวบรวมเทคนิค และหลักการตัดต่อวีดีโอแบบง่าย ๆ มาฝากกัน ตามรายละเอียดด้านล่างนี้

เคล็ดลับการตัดต่อวีดีโอแบบง่าย ๆ สามารถทำได้เองที่บ้าน

1.ร้อยเรียงเรื่องราวเดียวกันให้เป็นหมวดหมู่ ในกรณีที่วีดีโอเหล่านั้นเป็นเรื่องราวเดียวกันหรือคล้ายกัน ควรจับมาตัดต่อวีดีโอเพื่อรวมให้เป็นเรื่องเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น คุณถ่ายวีดีโอลูกสาวทั้งสองคนของคุณตั้งแต่เริ่มเรียนดนตรี ไว้จนถึงปัจจุบัน ก็จับมาตัดต่อรวมเข้าเป็นวีดีโอเดียวกันเสีย เพื่อรวบรวมความน่าประทับใจทั้งหมดนี้ไว้ให้ดูได้ต่อเนื่องในคราวเดียว ไม่ต้องเสียเวลาหาตอนต่อไปให้ยุ่งยาก

2.ปรับความคมชัดและแก้ไขจุดบกพร่องในวีดีโอ ซึ่งตรงนี้ถือเป็นเทคนิคขั้นสูงสุดในกระบวนการตัดต่อวีดีโอ มีหลายโปรแกรมให้เลือกโหลดมาเพื่อหัดทำ ดังนั้น ควรทำสำเนาวีดีโอต้นฉบับไว้กันพลาดด้วย หรือหันไปเลือกใช้บริการจากบริษัทที่รับทำวีดีโอแบบมืออาชีพเลยน่าจะดีกว่า

3.ตั้งเป้าหมายว่าแต่ละวีดีโอนั้นสื่อเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร ข้อนี้ก็สำคัญมากเช่นกัน เพราะการวางเรื่องราวถือเป็นหัวใจสำคัญมาก ๆ ในการตัดต่อวีดีโอ การวางเรื่องราวตามลำดับก่อนตัดต่อนั้นจะช่วยให้การสื่อสารผ่านวีดีโอของคุณเต็มไปด้วยความราบรื่นและสื่อสารได้อย่างตรงจุด โดยไม่ต้องคอยอธิบายซ้ำ เพราะวีดีโอที่ดี ควรให้ผู้ชมเข้าใจเรื่องราวได้ด้วยตนเอง และการตอบสนองที่ดีในกรณีที่เป็นวีดีโอเพื่อการโฆษณาได้อีกด้วย

เห็นไหมว่าการตัดต่อวีดีโอนั้นสามารถทำได้เองไม่ยากเลย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นล้วนต้องผ่านการฝึกปรือมามิใช่น้อย หากเป็นวีดีโอที่ต้องใช้ในงานสำคัญจริง ๆ แนะนำให้จ้างทีมงานผู้เชี่ยวชาญเป็นคนทำให้จะดีกว่า เพราะทำเองมีโอกาสผิดพลาดสูงมาก และเปลืองพลังงานหรือเสียเวลาพักผ่อนไปโดยใช่เหตุ ควรทำเป็นงานอดิเรกจะดีกว่า อย่างน้อย ๆ คุณก็จะมีความสุขในการทำและปราศจากแรงกดดันที่มักจะเป็นผลเสียกับงานเหล่านี้ได้โดยง่าย